Empathy กับข่าว: อ่านข่าว ‘ลุงพล’ ผ่านทฤษฎี Narrative Empathy

 

หลาย ๆ คนอาจเบื่อหน่ายกับข่าวของไชย์พล วิภา หรือ ‘ลุงพล’ ที่สื่อมวลชนพยายามประโคมข่าวตั้งแต่ช่วงปีที่แล้วจนมาถึงปีนี้ มิหนำซ้ำ เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2564 สำนักข่าวไทยรัฐนำเสนอข่าวว่ามีเหล่าแฟนคลับที่ไปให้กำลังใจลุงพลที่ สภ. กกตูม จังหวัดมุกดาหาร รวมถึงคอมเม้นท์ในอินเตอร์เน็ต ที่ยังให้กำลังใจนายไชย์พลอย่างไม่ลดละ ซึ่งสร้างความสงสัยให้กับหลายคนเป็นอย่างมากว่าแฟนคลับเหล่านี้มาจากไหน ผู้เขียนจึงต้องการตั้งข้อสันนิษฐานว่าสาเหตุที่นายไชย์พลได้รับความโด่งดังเป็นเพราะการประโคมข่าวของสื่อที่ทำให้เกิด narrative empathy ซึ่งประกอบไปด้วย character identification, narrative situation และ genre expectation ของผู้อ่าน

Narrative Empathy นั้นคือทฤษฎีของ Suzanne Keen ซึ่งเธออธิบายไว้ว่าการที่ผู้อ่านอ่านวรรณกรรมในมุมมองของคนอื่นนั้นทำให้ความสามารถที่ทำให้เราเข้าใจผู้อื่นนั้นมากขึ้นตาม (empathetic capacities) คำถามที่ตามมาคือทฤษฎี narrative empathy นั้นพูดถึงตัววรรณกรรมเป็นหลัก ไม่ใช่ข่าว แล้วเราจะสามารถนำทฤษฎีนี้เชื่อมโยงกับข่าวนายไชย์พลได้อย่างไร

แน่นอนว่าเราจะสามารถนำทฤษฎีมาเชื่อมโยงกับข่าวนายไชย์พลได้หากเรามองข่าวในฐานะของตัววรรณกรรมว่ามีความเหมือนกันของข่าวและวรรณกรรม เมื่อเป็นงานเขียน ไม่ว่าจะข่าวหรือวรรณกรรม ทั้งสองล้วนมีผู้เล่าเรื่อง (narrator) ตัวละคร (characters) เหตุการณ์ (plot) และการเล่าเรื่อง (narrative) เสมอ ดังนั้นทฤษฎีนี้จึงนำมาโยงกับข่าวนายไชย์พลได้ว่าการเล่าเรื่องมีส่วนทำให้นายไชย์พลมีแฟนคลับขึ้นมาได้อย่างไร

ประเด็นแรกคือ character identification หรือการระบุตัวตนของผู้อ่านกับตัวละคร ผู้ที่อ่านข่าวที่เกี่ยวกับนายไชย์พลหลายคนอาจจะรู้สึกว่าตัวเองเริ่มมีความเข้าอกเข้าใจ ความผูกพัน ไปจนถึงการยกยอนายไชย์พลเกิดขึ้นจากการที่สื่อพยายามเสนอ เพราะสื่อนั้นลงข่าวที่ทำให้ผู้อ่านหรือผู้ชมอย่างชัดเจนว่านายไชย์พลมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร หน้าตาสมัยหนุ่มเป็นอย่างไร นิสัยที่สามารถเดาได้จากการกระทำต่าง ๆ ของเขา และการนำเสนอสิ่งเขาพูดจากการสัมภาษณ์ สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อการสร้าง empathy ของผู้อ่านไม่มากก็น้อย และแน่นอนว่าการที่สื่อนำเสนอไม่ได้หมายความว่าเป็นการยืนยันว่าผู้อ่านหรือผู้ชมข่าวจะรู้สึกเสมอไป เพราะผู้อ่านแต่ละคนมีลักษณะการอ่านที่ต่างกัน

ประเด็นที่สองคือ narrative situation คือพื้นที่ของการเล่าเรื่อง วิธีการเล่าเรื่องของสื่อต่อนายไชย์พลนั้นมีลักษณะเป็นการบรรยายแบบบุคคลที่สาม (third-person narrative) ซึ่งเป็นรูปแบบปกติในการนำเสนอข่าว ถึงแม้ว่าวิธีการนำเสนอในลักษณะแบบนี้จะสร้างระยะห่างระหว่างผู้อ่าน/ชมกับนายไชย์พลก็ตาม การให้ความเห็นของตัวสื่อที่ทำหน้าที่เป็นผู้บรรยายที่เป็นตัวกำหนดว่าจะสามารถทำให้เกิด empathy ขึ้นได้หรือไม่ อาทิ ตัวสื่อพาดข่าวให้นายไชย์พลลุงพลว่านายไชย์พลกำลัง “ร่ำไห้” อยู่เพราะแม่ของน้องชมพู่สงสัย (จากพาดหัวข่าว “ลุงพลร่ำไห้โดนแม่ชมพู่สงสัยรักหลานผิดวิสัย รับไม่มีเซ็กส์เมีย 6 ปี แต่ไม่หื่น”) ถึงแม้ว่าระยะห่างจะเยอะ แต่ลักษณะการบรรยายแบบบุคคลที่สามอาจสร้าง empathy ต่อผู้อ่านมากขึ้นเนื่องจากผู้อ่านจะเห็นภาพชัดว่านายไชย์พลตกอยู่ในสถานะผู้ถูกกระทำจากการบรรยายของข่าว (ซึ่งจริง ๆ แล้วแม่ของน้องชมพู่ไม่ได้ผิดกับการตั้งข้อสงสัยนั้นด้วยซ้ำ) ฉะนั้นพื้นที่การเล่าเรื่องจึงเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ผู้อ่านหรือผู้ชมเกิด empathy ต่อนายไชย์พล

ประเด็นสุดท้ายคือ genre expectation หรือความคาดหวังของประเภท (ของวรรณกรรม) ในที่นี้เราจะพูดถึงตัวข่าวแทนวรรณกรรม เมื่อขึ้นชื่อว่า “ข่าว” ผู้อ่านจะคาดหวังว่าสิ่งที่นำเสนอมาทั้งหมดนั้นควรที่จะเป็น “ความจริง” แต่แท้จริงแล้วข่าวนั้นก็เต็มไปด้วยการเล่าเรื่อง และสุ่มเสี่ยงต่อการบิดเบือน หันเห และเล่าเกินความจริงอยู่เสมอ เมื่อผู้อ่านหรือผู้ชมสร้างความคาดหวังกับข่าวว่าจะต้องเล่าความเป็นจริง ผู้อ่านและผู้ชมก็จะตกเป็นเหยื่อของตัวข่าวนั้นที่ประกอบสร้างมุมมองให้ผู้อ่านหรือผู้ชมต่อนายไชย์พล เพราะในหลาย ๆ ครั้งข่าวฉกฉวยโอกาสจากความคาดหวังนี้เพื่อที่จะให้ผู้ติดตามข่าวมองสิ่งที่นำเสนอว่าเป็นความจริงที่เกิดขึ้น ทั้ง ๆ ที่อาจจะไม่ใช่แบบนั้น

เมื่อทั้งสามอย่างที่กล่าวมาเกิดขึ้นพร้อมกัน ผลที่ตามมาคือผู้ที่ติดตามข่าวนั้นจะรู้สึกคล้อยตามไปกับวิธีที่ข่าวนำเสนอ และบางครั้งก็ทำให้เกิด empathy ได้ในที่สุด ทั้งนี้ทั้งนั้น การเกิด empathy นั้นไม่ได้เกิดขึ้นเสมอ สุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับวิธีการอ่านของผู้คน จริตหรือนิสัยของผู้อ่าน (habitus; see Bordieu’s “Distinction”) และทัศนคติของผู้อ่านต่อผู้เขียนข่าว วิธีการเขียนข่าว และเนื้อหาข่าวอีกด้วย

Works Cited:
Keen, Suzanne. “A Theory of Narrative Empathy.” Narrative, vol. 14, no. 3, 2006, pp. 207–236. JSTOR, http://www.jstor.org/stable/20107388. Accessed 10 June 2021.
Amarin TV. “ลุงพลร่ำไห้โดนแม่ชมพู่สงสัยรักหลานผิดวิสัย รับไม่มีเซ็กส์เมีย 6 ปี แต่ไม่หื่น.” อมรินทร์ทีวี ช่อง 34, 4 June 2021, http://www.amarintv.com/news/detail/37998.

ผู้เขียน: 6106680991

Leave a comment