ดาบพิฆาตอสูร: มนุษย์และอสูร ต่างกันไฉน?

ดาบพิฆาตอสูร: มนุษย์ และ อสูร ต่างกันไฉน?

Demon Slayer (Kimetsu no Yaiba)

เรื่องย่อ: ดาบพิฆาตอสูร เป็นการดำเนินเรื่องราวผ่าน ‘คามาโดะ ทันจิโร่’ เด็กหนุ่มผู้มีจิตใจอ่อนโยนและเฉลียวฉลาด หลังจากสูญเสียผู้เป็นพ่อผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวไป ทันจิโร่ก็กลายมาเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักในการหารายได้เลี้ยงดูครอบครัว แต่จุดพลิกผันของชีวิตเขาเกิดขึ้นเมื่อมีอสูรบุกเข้ามาสังหารคนในครอบครัวของเขาจนเหลือแต่เพียงเขา และน้องสาวชื่อ ‘เนซึโกะ’ ที่ได้ถูกทำให้กลายเป็นอสูรไปด้วย ทันจิโร่จึงตัดสินใจที่จะเป็นนักล่าอสูรตามคำชักชวนของ ‘กิยู’ ผู้เป็นหนึ่งในเสาหลักของนักล่าอสูรเพื่อหาทางทำให้น้องสาวกลับมาเป็นมนุษย์ และชำระแค้น ‘มุซัน’ ผู้เป็นต้นกำเนิดของเหล่าอสูร และก็เป็นคนฆ่าคนในครอบครัวของเขาต่อไป

1)ภาพของอสูรจันทร์ข้างขึ้นและข้างแรม 2)ภาพของเสาหลักนักล่าอสูร

***คำเตือน บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วน

ลกเกิดความปั่นป่วนเมื่ออสูรอย่างมุซัน ผู้มีกำลังเหนือกว่าและสามารถฆ่ามนุษย์ทั่วไปได้อย่างง่ายดายปะปนเข้ามา และหาโอกาสฆ่าและทำให้มนุษย์บางส่วนกลายเป็นอสูร ในบรรดาอสูรที่มีจำนวนมากมาย ผู้ที่มีพลังอำนาจสูงสุดคือ มุซันและรองลงมาคืออสูรจันทร์ข้างขึ้นและข้างแรมจำนวน 12 ตน ที่ล้วนเกิดจากการดื่มเลือดของมุซัน ในเรื่องสามารถเห็นได้ชัดเจนว่า อสูรต้องการจะเข้ามาครอบครองพื้นที่มนุษย์และทำให้มนุษย์กลายเป็นอสูรเพราะคิดว่าความเป็นอสูรของตนเหนือกว่ามนุษย์ในหลายๆด้าน อสูรคิดว่ามนุษย์อ่อนแอ ในขณะที่ตนแข็งแกร่ง(เพราะแม้อสูรจะโดนตีรันฟันแทง ร่างกายก็สามารถงอกกลับมาใหม่ได้อย่างรวดเร็ว) ฟังดูแล้วความคิดนี้ของอสูร ก็มีส่วนคล้ายความคิดของจ้าวอาณานิคมที่หาความเป็นเหตุเป็นผลให้กับตนเองในการเข้ามายึดครองพื้นที่ที่มีผู้อยู่มาก่อนแล้ว หรือก็คือยึดดินแดนของชนพื้นเมือง โดยการให้เหตุผลว่ามาให้สิ่งที่ดีกว่าแก่คนเหล่านี้ และการมาของพวกเขานำมาซึ่งการพัฒนาที่ดีขึ้น

ด้วยเหตุผลต่างๆเหล่านี้ของอสูรที่เข้ามาทำลายความสงบ และผาสุกของมนุษย์ มนุษย์ก็ได้ทำการผันตัวมาเป็นนักล่าอสูรกันหลายคน ผู้คนจากหลายครอบครัว หลายฐานะทั่วประเทศได้มาร่วมคัดเลือกการเป็นนักล่าอสูร เพื่อฆ่าและต่อสู้กับอสูรที่เป็นอันตราย (threat) ต่อมนุษยชาติและผู้คนที่พวกเขารัก เดิมคนเหล่านี้อาจจะไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันเลยแต่เพราะมีสิ่งที่เกลียดและรู้สึกว่าต้องกำจัดร่วมกันเลยมารวมตัวกัน เพราะก็มีนักล่าอสูรที่เป็นเหมือนทันจิโร่ผู้มาเป็นนักล่าอสูรเพื่อมาแก้แค้นให้แก่ครอบครัวอันเป็นที่รักซึ่งถูกฆ่าโดยเหล่าอสูร  

จากความคิดของอสูร และมนุษย์ในเรื่องทำให้เห็นว่า มันมีความคิดในเรื่องของ ‘ความเป็นอื่น’ หรือ otherness ซึ่งในที่นี้หมายถึงกลุ่มคนที่เราไม่ได้มองว่าเป็น ‘พวกเดียวกับเรา’ สามารถมองได้สองมุมมองโดยสลับกัน เพราะในความคิดของมนุษย์มองว่าตนเองเป็น the self ส่วนอสูรนั้นมีความเป็นอื่น คือเป็น the other อสูรนั้นไร้มนุษยธรรม คือมีความน่าเกลียดและน่ากลัวทั้งภายในและภายนอก และมีความป่าเถื่อน ฆ่าคนโดยไม่สนอะไร ซึ่งในทางกลับกันอสูรก็มองมนุษย์อ่อนแอ ขี้ขลาด เห็นแก่ตัว ในขณะที่มองตนเองพิเศษ โดยเฉพาะเหล่าอสูรจันทร์ข้างขึ้นและแรมที่มีความสามารถพิเศษแตกต่างกันไปอีก ก็ล้วนฉลาด แข็งแกร่ง และว่องไว กล่าวโดยง่ายคือความคิดในเรื่องของ ‘the self’ กับ ‘the other’ คืออะไรที่มันตรงข้ามกัน และไม่เหมือนกัน

รูปภาพจาก Line TV

ย่างไรก็ตามความคิดความเป็นอื่นนี้ถูกสั่นคลอนเมื่อ เหล่าเสาหลักของนักล่าอสูรได้ค้นพบความจริงจากปากทันจิโร่ ในสิ่งที่เนซึโกะเป็นในตอนท้ายของซีซั่นแรกว่า แม้เนซึโกะจะถูกทำให้กลายเป็นอสูร แต่เนซึโกะนั้นมีความรักต่อมนุษย์โลก ทำให้เธอไม่ทำตัวเหมือนเหล่าอสูร เธอปกป้องมนุษย์ และมีความยับยั้งชั่งใจในการกินและฆ่ามนุษย์ อีกทั้งเนซึโกะก็ยังมีความน่ารักเป็นที่ชอบพอของนักล่าอสูรอีกสองคนที่เป็นเพื่อนทันจิโร่ ดังนั้นสิ่งเหล่านี้สำหรับผู้เขียน ผู้เขียนคิดว่ามันสั่นคลอนมายาคติในเรื่องอสูรที่สร้างโดยมนุษย์ ซึ่งอสูรในมายาคติ (mythology) ของมนุษย์คืออสูรจะมีรูปลักษณ์ที่แตกต่างจากมนุษย์อย่างน่าสะพรึงกลัว ป่าเถื่อนเพราะกินมนุษย์และไม่มีความยับยั้งชั่งใจประหนึ่งสัตว์เดรัจฉาน ซึ่งสิ่งเหล่านี้บ่งชี้ (signify)ให้สิ่งที่มีคุณสมบัติแบบนี้นับเป็นอสูร  ทว่า เนซึโกะกลับไม่ได้เป็นอสูรดั่งในมายาคตินี้ นอกจากนี้ในตอนที่7ของซีซันแรก มันค่อนข้างเหนือความคาดหมายต่อผู้ชมหลายๆคนเมื่อทันจิโร่พบว่า มุซันคนที่ฆ่าล้างครอบครัวของเขา ปรากฎตัวในร่างของชายหน้าตาดีเดินซื้อของกับภรรยาและลูกสาวเหมือนมนุษย์ทั่วไปที่กำลังเดินอยู่ และในตอนที่มุซันตระหนักว่าถูกทันจิโร่สงสัยในตัวเขา มุซันก็ได้ทำการใช้เล็บของเขาตวัดใส่หลังคอของมนุษย์ที่เดินผ่านมาอย่างรวดเร็ว จนทำให้มนุษย์คนนั้นกลายเป็นอสูรและพุ่งเข้าใส่คนอย่างหิวกระหาย สร้างความหวาดกลัวให้ภรรยาของมุซันและลูกสาวเป็นอย่างมาก ซึ่งมุซันก็ได้แสดงความเป็นพ่อและสามีที่ดีปลอบโยนภรรยาอย่างหน้าตาเฉย ในซีนนี้มันคือความตกใจสองเด้ง เพราะไม่เพียงแต่ทันจิโร่ที่ตกใจกับความจริงที่ว่ามุซันแฝงตัวเป็นมนุษย์อย่างแนบเนียนด้วยการมีครอบครัว คนดูก็รู้สึกตกใจในความจริงนี้เช่นกัน

ดังนั้นในเมื่อ เนซึโกะ และมุซัน มีรูปลักษณ์ภายนอกเหมือนมนุษย์มาก ไม่ได้มีแขนสิบแขน ตาหกตาเหมือนอสูรตนอื่นๆ ในทางหนึ่งมันสั่นคลอนมายาคติในเรื่องอสูรที่สร้างโดยมนุษย์ และเกิดคำถามว่าในเมื่อทั้งสองไม่มีลักษณะแบบนี้ ทั้งสองจะยังถือว่าเป็นอสูรหรือไม่? เพื่อให้ผู้อ่านได้ลองตอบข้อสงสัยนี้เช่นกัน ผู้เขียนจึงขอเสนอความคิดที่อิงจากทฤษฎี’การสวม​บทบาท/การปฏิบัติการแสดงทางเพศ’ หรือ Gender Performativity ของ จูดิธ บัตเลอร์ (Judith Butler) ว่า ไม่เพียงแต่เพศเท่านั้นที่มันสามารถถูกสวมบทบาทได้ ความเป็นชาติพันธุ์ก็สามารถที่จะแสดงได้เช่นเดียวกัน โดยทฤษฎีนี้ บัตเลอร์เสนอว่า “แทนที่เราเป็นผู้หญิง เราจึงแสดงตัวตนแบบผู้หญิงออกมา” สำหรับบัตเลอร์แล้ว “เพราะเราแสดงความเป็นผู้หญิงออกมาต่างหาก เราจึงกลายเป็นผู้หญิง” ซึ่งการแสดงนี้มาจากการเลียนแบบต้นแบบ หรือสิ่งที่มันดำรงอยู่แล้วในสังคม และการที่เราจะเป็นเพศอะไรนั้น มันไม่ได้เกิดมาแล้วเป็น แต่มันเป็นสิ่งที่เกิดจากการทำซ้ำ และ แสดง(perform) ซ้ำๆ และเรานั้นไม่ได้มีตัวตน และอัตวิสัย (subjectivity) มาตั้งแต่แรก

เช่นเดียวกับการแสดงความเป็นมนุษย์ ซึ่งนับเป็น Race Performativity มุซันก็ไม่ได้เป็นอสูร หรือมนุษย์ตั้งแต่แรก แต่ถูกนิยามจากเสาหลักนักล่าอสูรว่าเป็นอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดเพราะเป็นต้นกำเนิดให้เกิดอสูรตนอื่น ทว่าเสาหลักกลับไม่รู้ว่ามุซันหน้าตาเป็นเช่นไร หรือเป็นยังไงด้วยซ้ำ จนกระทั่งทันจิโร่มาบอก (ทันจิโร่สงสัยเพราะจำกลิ่นของมุซันที่ตกค้างอยู่ในบ้านของตนได้ และเห็นกับตาว่ามุซันทำให้คนอื่นเป็นอสูร) นี่เพราะมุซันแสดงความเป็นมนุษย์ออกมาได้ โดยกลมกลืนรูปลักษณ์ภายนอกให้เหมือนมนุษย์: แต่งตัวใส่สูท หน้าตาหล่อเหลายิ้มละมุน เป็นแฟมิลี่แมน และไม่กินมนุษย์ อีกทั้งยังทำตามขนบของมนุษย์เหมือนมนุษย์ทั่วไปคือมีภรรยาและลูก  ดังนั้นสำหรับผู้เขียนแล้ว ในความจริงที่ว่าภรรยาและลูกผู้ที่ใกล้ชิดมุซันมากๆ ก็ไม่ได้รับรู้ถึงความจริงที่ว่ามุซันนั้นเป็นอสูร สิ่งนี้มันพิสูจน์ได้ว่า การเป็นมนุษย์มันสามารถแสดงได้ กล่าวคือในทางทฤษฎีตามบัตเลอร์แล้ว ถึงแม้มุซันจะถูกเรียกว่าเป็นจ้าวแห่งอสูรในสายตาของอสูรด้วยกันหรือจากเสาหลักนักล่าอสูร แต่ด้วยความการแสดงความเป็นมนุษย์ดังที่กล่าวมา มุซันจึงสามารถกลายเป็นมนุษย์ในสายตาของมนุษย์ด้วยกันได้เช่นกัน

ผู้เขียน

ศรุตา ผู้รักทันจิโร่สุดหัวใจ และเฝ้ารอซีซั่นสองอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

*หากข้อมูลผิดพลาดประการใด ขออภัย มา ณ ที่นี้ค่ะ ผู้เขียนอิงจากอนิเมะซึ่งให้รายละเอียดน้อยกว่ามังงะ

เครดิคภาพจาก Postjung, Line TV

Leave a comment