(คำเตือน! บทความอาจมีการเปิดเผยเนื้อหาที่สำคัญ)

มินิซีรีส์สัญชาติอเมริกัน Queen’s Gambit เกมกระดานแห่งชีวิต ผลงานต้นฉบับเรื่องล่าสุดจาก Netflix ที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในขณะนี้ ซีรีส์ถ่ายทอดเรื่องราวของ Elizabeth Harmon หรือ Beth เด็กสาวกำพร้าจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทำให้เธอต้องไปใช้ชีวิตอยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า และได้มารู้จักกับ Mr. Shaibal ภารโรงคนหนึ่งที่ Beth เจอโดยบังเอิญขณะนำแปรงลบกระดานไปทำความสะอาด และภารโรงคนนี้นี่เองที่นำพาให้ Beth ได้รู้จักกับเกมกระดาน 64 ช่องอย่างหมากรุกเป็นครั้งแรกและพาเธอเข้าสู่วงการเกมกระดานที่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอไปตลอดกาล Beth หลงไหลในการเล่นหมากรุกเป็นอย่างมากและเธอก็ชอบที่จะเอาชนะ แต่อย่างไรก็ตามเส้นทางแห่งความสำเร็จที่ต้องการจะเป็นแชมป์โลกของ Beth ไม่ได้ถูกโรยไปด้วยกลีบกุหลาบ มันเป็นเส้นทางอันโดดเดี่ยวที่เต็มไปด้วยอุปสรรคและบททดสอบมากมาย
Queen’s Gambit เกมกระดานแห่งชีวิตไม่ใช่เพียงซีรีส์ coming of age ที่เล่าเรื่องราวการเติบโตของเด็กกำพร้าที่ดิ้นรนต่อสู้ชีวิตเพื่อทำตามความฝันของตัวเองให้สำเร็จเพียงเท่านั้น แต่ซีรีส์ความยาว 7 ตอนกลับจิกกัดสังคมชายเป็นใหญ่ที่กดทับสิทธิและความเท่าเทียมของผู้หญิงที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่สังคมเกมกระดานหมากรุก แต่มันถูกฝังลึกอยู่ในสังคมในรูปแบบของบรรทัดฐานทางสังคม (social norm) ที่มากำหนดบทบาทของผู้ชายและผู้หญิง (gender role) และถูกถ่ายทอดผ่านตัวละครที่เป็นผู้หญิงอยู่ตลอดทั้งเรื่อง
การเติบโตจากเด็กผู้หญิงไร้เดียงสาและอ่อนต่อโลกสู่หญิงสาวนักหมากรุกที่สามารถหาเงินเลี้ยงตัวเองได้จากความชอบและความหลงไหลส่วนตัว Beth เติบโตขึ้นมาสวนกระแสบทบาททางสังคมของผู้หญิงท่ามกลางตัวละครผู้หญิงคนอื่นที่ติดอยู่กับบรรทัดฐานทางสังคม ( social norm) ที่กำหนดบทบาททางเพศ (gender role) อย่างจำกัดให้ผู้หญิงเป็นลูกที่ดี เป็นภรรยาที่ดี และเป็นแม่ที่ดี ตัวละครที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมและความคิดของ Beth เป็นอย่างมากอย่าง Alma Wheatley แม่เลี้ยงของเธอ ที่มีหน้าที่ดูแลบ้านอย่างโดดเดี่ยว เพราะ Mr. Weatley สามีของเธอมักจะไปทำงานต่างประเทศเป็นเวลานานทำให้เธอต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง เธอชื่นชอบและมีความสามารถในการเล่นเปียโน แต่ไม่มีโอกาสได้แสดงโชว์และทำตามสิ่งที่ตัวเองต้องการเพราะขาดการสนับสนุนจากสามีนอกจากนี้เธอยังมีนิสัยรักการดื่มเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าติดแอลกอฮอล์เลยก็ว่าได้ และเธอมักจะโดนสามีพูดจาตำหนิอยู่เสมอ ตัวละคร Alma สะท้อนให้เห็นถึงชีวิตของผู้หญิงที่ถูกจำกัดการแสดงออกความต้องการที่แท้จริงของเธอ เพราะเธอต้องทำตามความคาดหวังของสังคมที่ผู้หญิงจะต้องเรียบร้อย ไม่ยุ่งเกี่ยวกับของมึนเมา ไม่สูบบุหรี่ รักเดียวใจเดียว และต้องดูแลภาพลักษณ์ตัวเองอยู่เสมอ ชีวิตของเธอติดอยู่กับสามีของเธอเพียงเท่านั้น และที่น่าเศร้าคือเธอไม่มีสิทธิในการตัดสินใจเป็นของตัวเอง เนื่องจากเธอไม่ได้ทำงานทำให้ไม่มีเงินและทรัพย์สินเป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะทำอะไรต้องผ่านการตัดสินใจของสามีเธอก่อนเสมอ อย่างไรก็ตามชีวิตของ Alma ก็ได้เปลี่ยนแปลงไปเมื่อ Beth ได้เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ในบ้าน ในขณะที่ที่สามีของ Alma ไปประจำการอยู่ที่ต่างประเทศก็เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับตอนที่ Beth หันมาเอาดีด้านการแข่งขันหมากรุกอย่างจริงจังและสามารถสร้างรายได้ให้กับทั้งตัวเธอเองและแม่เลี้ยงของเธอด้วย และการเข้าร่วมการแข่งขันหมากรุกในต่างประเทศ ทำให้ Alma ได้ก้าวออกจากข้อจำกัดของเธอในฐานะภรรยา และหันมาทำหน้าที่แม่และผู้ดูแลของ Beth เธอได้ใช้ชีวิตที่ปราศจากสามีของเธออย่างอิสระตามที่เธอต้องการ


นอกจากนี้บรรทัดฐานและบทบาททางสังคมมันบีบบังคับให้ผู้หญิงต้องเสียสละความต้องการที่แท้จริงอิสระภาพในการใช้ชีวิตและความฝันของตัวเองเพื่อที่จะทำตามอย่างที่สังคมกำหนด สังคมสังคมปิตาธิปไตยหรือสังคมชายเป็นใหญ่ (Patriarchal society) ได้ทำให้การดื่มแอลกอฮอล์ที่เป็นเรื่องปกติทั่วไปของผู้ชายกลายเป็นเรื่องน่ารังเกียจและผิดแปลกหากผู้หญิงเป็นคนดื่มอย่างเช่นตัวละคร Margaret Neil เพื่อนสมัยมัธยมปลายของ Beth ที่กลับมาเจอกันอีกครั้งและ Margaret ก็ได้แต่งงานมีลูกเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่น่าสนใจคือ Margaret เป็นผู้หญิงที่มีฐานะ และมีหน้ามีตาในสังคม แต่เมื่อเธอได้แต่งงานไปแล้วหน้าที่ของเธอก็มีเพียงการเป็นภรรยาและแม่ที่ดีเพียงเท่านั้น เธอมักจะแอบมาซื้อแฮลกอฮอล์สำหรับตัวเองอยู่บ่อยครั้ง ซีรีส์เรื่องนี้ทำให้เห็นว่าภาพลักษณ์ของผู้ชายและผู้หญิงที่ดื่มแอลกอฮอล์ถูกยอมรับในสังคมแตกต่างกัน การกำหนดว่าบทบาทหน้าที่หรือกิจกรรมบางอย่างนั้นเป็นของเพศใดเพศหนึ่งเพียงเท่านั้นเป็นผลพวงมาจากบรรทัดฐานทางสังคมชายเป็นใหญ่และการเหมารวม(stereotype) ว่าเพศชายและเพศหญิงมีลักษณะที่แตกต่างกัน เช่น ผู้ชายมีความแข็งแรง ฉลาด มีหน้าที่ต้องทำงานหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว ในขณะที่ผู้หญิงนั้นมีความละเอียดรอบคอบ อ่อนน้อม มีหน้าที่ดูแลครอบครัว ซึ่งความคิดเช่นนี้ยังคงถูกพบเห็นได้ในสังคมปัจจุบันท่ามกลางการเรียกร้องสิทธิและความเท่าเทียมของกลุ่มสตรีนิยมทั่วโลก
Elizabeth Harmon เป็นภาพแทนของผู้หญิงที่ไม่ได้เลือกเส้นทางชีวิตตามแบบที่สังคมกำหนดไว้ เธอโดนดูถูกและสบประมาทจากผู้ชายในสังคมเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่เธอก้าวเข้ามาสู่วงการหมากรุกที่เป็นเกมของผู้ชายด้วยการตัดสินใจของตัวเธอเอง เส้นทางชีวิตของเธอก็ไม่ได้ถูกโรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ก็ไม่มีใครสามารถเข้ามากำหนดชีวิตเธอได้นอกจากตัวเธอเอง เธอใช้ชีวิตตามใจและสวนกระแสสังคม เธอดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ไปปาร์ตี้และมีอะไรกับผู้ชาย ซึ่งเป็นสิ่งต้องห้ามของผู้หญิงไม่ใช่แค่ในสมัยนั้นแต่ในปัจจุบันพฤติกรรมเหล่านี้ก็ยังถูกมองว่าเป็นสิ่งไม่ดีและผู้หญิงไม่ควรปฏิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมไทย นอกจากนี้ Beth ยังมีความเชื่อมั่นในตัวเองและอีโก้สูงอีกด้วย การเติบโตของเธอเรัยกได้ว่าเป็นการเติบโตที่ผู้หญิงทุกคนควรจะมีโอกาสในการสัมผัสมันด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการเดินตามความฝัน การได้ลองผิดลองถูกจากการตัดสินใจของตัวเอง การได้ก้าวขึ้นไปแข่งขันกับนักหมากรุกยอดฝีมือเป็นจำนวนมากหรืออาจหมายถึงการได้ไปแข่งขันความสามารถในแวดวงต่างๆ ตามที่สนใจ อาจกล่าวได้ว่า Beth ได้รับอิสระภาพในการใช้ชีวิตซึ่งเป็นผลมาจากการปลดแอกออกมาจากบรรทัดฐานทางสังคมแบบเดิมๆ ด้วยตัวเธอเอง



นอกจากนี้การที่ Beth สามารถหาเลี้ยงตัวเองได้ด้วยความสามารถในการเล่นหมากรุกรุกของเธอ จนกระทั่งสามารถที่จะต่อรองและซื้อบ้านจาก Mr. Wheatley พ่อเลี้ยงของเธอที่ก่อนหน้าบอกว่าจะยกบ้านให้เธอหลังจากที่แม่เลี้ยงของเธอตาย แต่เขากลับคำบอกว่าจะขายบ้านทิ้งในภายหลัง Beth ได้ยื่นคำขาดว่าเธอจะไม่ออกจากบ้านและจะซื้อบ้านด้วยเงินของเธอเอง ฉากนี้ถือเป็นฉากสำคัญอีกฉากหนึ่งไม่แพ้ไปกว่าฉากการแข่งขันหมากรุกรอบชิงแชมป์ในตอนสุดท้ายเพราะฉากนี้แสดงให้เห็นความเป็นอิสระ สามารถพึ่งพาตนเองได้ (independent) ของ Beth ที่สามารถตัดสินใจและสามารถครอบครองทรัพย์สินเป็นของตัวเองได้ ซึ่งผิดกับ Alma แม่เลี้ยงของเธอที่ไม่มีสิทธิ์ในการตัดสินใจและไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อบ้านเป็นของตัวเองเพราะชีวิตต้องขึ้นอยู่กับสามี

เส้นทางของ Beth ดูเหมือนว่าจะได้รับการช่วยเหลือและเกี่ยวโยงกับ “ผู้ชาย” เป็นจำนวนมาก จึงทำให้เกิดการตั้งคำถามว่า จริงๆ แล้วซีรีส์เรื่องนี้ต้องการจะสนับสนุนแนวคิดสตรีนิยม (Feminism) ที่เรียกร้องความเท่าเทียมระหว่างเพศหญิงกับเพศชายให้ได้รับสิทธิที่เท่าเทียมกันในทุกๆ ด้านจริงหรือไม่?
ชีวิตของตัวละครเอกอย่าง Beth ที่ตลอดทั้งเรื่องดูเหมือนว่าเธอจะได้รับความช่วยเหลือจากผู้ชายอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น Mr. Shaibal ที่นำพาเธอให้มารู้จักกับหมากรุก และพาเธอไปรู้จักกับ Mr. Ganz โค้ชหมากรุกระดับมัธยมปลายที่พาเธอเข้าร่วมชมรมหมากรุกและฝึกฝนการเล่นเกมกระดานให้กับเธอ หรือจะเป็น Harry Beltik อดีตคู่แข่งที่ผันตัวมาช่วยให้ Beth หันมาศึกษาวิธีการเล่นของผู้เล่นคนอื่นๆ มากขึ้น นอกจากนี้ Beth ยังได้รับการฝึกฝนจาก Benny Watts อดีตแชมป์อเมริกาที่สอนให้เธอได้รู้จักกลเม็ดในการเดินเกมรุกและเกมรับผ่านบันทึกการเล่นของเขาและผู้เล่นตัวเต็งคนอื่นๆ และยิ่งในตอนสุดท้ายของเรื่อง ในการแข่งขันรอบสำคัญที่ Beth ได้เจอกับ Vasily Borgov สุดยอดผู้เล่นจากโซเวียต Benny Watts, Harry Beltik และเพื่อนคนอื่นๆ ได้โทรมาช่วยบอกการแก้เกมรูปแบบต่างๆ ในการแข่งขันรอบชิงกับ Beth แม้ในช่วงโค้งสุดท้ายของเรื่อง Beth ยังคงได้รับการช่วยเหลือจากผู้ชายอยู่ตลอด ซึ่งตรงนี้เองที่ทำให้เกิดการตั้งคำถามว่า แท้จริงแล้วซีรีส์เรื่องนี่ต้องการจะเชิดชูและสนับสนุนความเท่าเทียมและความสามารถของผู้หญิงจริงหรือไม่ หรือหากต้องการจะแสดงให้เห็นว่าเบื้องหลังความสำเร็จของผู้หญิงนั้นล้วนแล้วแต่มีผู้ชายเป็นคนคอยช่วยเหลืออยู่ตลอด และหมากรุกที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเกมกระดานสำหรับผู้ชาย ก็มีเพียงผู้ชายเท่านั้นที่จะสามารถแก้เกมและใช้กลยุทธ์ต่างๆ ได้เหนือกว่าผู้หญิง
หากมองแบบนี้ก็คงไม่ต่างอะไรจากกลุ่มสตรีนิยมที่มองว่าผู้หญิงมีความสามารถเหมือนกับผู้ชาย ทำทุกอย่างได้เหมือนผู้ชาย และบ้างก็บอกว่าผู้หญิงไม่จำเป็นต้องเหมือนผู้ชาย ความเป็นผู้หญิงทำให้เรามีคุณค่าได้ด้วยตัวเอง แต่แท้จริงแล้วหากมองให้ดี การที่จะเรียกร้องสิทธิและความเท่าเทียมของผู้หญิงนั้นไม่ได้แปลว่าผู้หญิงจะต้องเลือกเส้นทางที่เด็ดเดี่ยวแต่โดดเดี่ยวเหมือนอย่าง Elizabeth Harmon ตัวเอกในเรื่องก็ได้ หากแต่การที่ผู้หญิงสามารถที่จะมีสิทธิในการเลือกทางเดินชีวิตของตัวเอง โดยไม่ต้องติดอยู่กับสิ่งที่สังคมกำหนดและคาดหวังไว้ รวมทั้งมีชีวิตอิสระจากผู้ชายที่หมายถึงผู้หญิงมีสิทธิที่จะตัดสินใจด้วยตัวเองในทุกๆ เรื่อง มีสิทธิ์ที่จะครอบครองทรัพย์สิน สิทธิที่จะได้เข้าแข่งขันหมากรุกและได้รับการเคารพจากผู้แข่งขันคนอื่นๆ ที่เป็นผู้ชายก็แสดงถึงความเท่าเทียมของผู้หญิงในสังคมได้แล้วในระดับหนึ่ง การที่ผู้หญิงจะสามารถขึ้นมาทัดเทียมกับผู้ชายได้นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าผู้ชายจะต้องถูกกำจัดออกไปจากสังคมหรือถูกกดให้ต่ำลงเพื่อที่จะให้ผู้หญิงสูงขึ้น แต่สิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นอย่างในซีรีส์เรื่องนี้คือต่างฝ่ายต่างยอมรับและเคารพในความสามารถของกันและกัน
เส้นทางขีวิตของ Elizabeth Harmon ที่อาศัยทั้งพรสวรรค์และพรแสวงของเธอได้ทำให้เห็นว่า
“ผู้หญิงไม่ใช่แค่เบี้ยในเกมกระดานหมากหนึ่งเท่านั้น แต่เป็นผู้เล่นคนหนึ่งที่สามารถกำหนดและควบคุมเกมในแบบของเธอเองได้ รวมทั้งเส้นทางชีวิตของเธอด้วย”
อย่างไรก็ตามแม้ว่าซีรีส์เรื่องนี้จะพยายามจิกกัดสังคมชายเป็นใหญ่ที่กดทับผู้หญิงด้วยมาตรฐานทางสังคมและพยายามสนับสนุนความเท่าเทียมและความสามารถของผู้หญิงชนชั้นกลาง แต่อีกปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่เพียงในซีรีส์เท่านั้นแต่หมายรวมไปถึงในสังคมปัจจุบันด้วย ที่กลุ่มสตรีนิยมคนที่ออกมาเรียกร้องสิทธิสตรีนั้นบางครั้งก็หลงลืมกลุ่มคนผิวสีและชนกลุ่มน้อยในสังคมไป ดังจะเห็นได้จากตัวละคร Jolene เด็กผู้หญิงผิวสีเพื่อนสนิทของ Beth ขณะที่อยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า Jolene เป็นตัวละครที่เป็นกุญแจสำคัญของความสำเร็จของ Beth เพราะหากเธอไม่กลับเข้ามาในชีวิตของ Beth ในวันที่กำลังสับสนและหลงทาง และหากเธอไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยเรื่องเงินค่าตั๋วเครื่องบิน Beth ก็อาจจะไม่ได้มีโอกาสไปแข่งในการแข่งในแมตช์สำคัญและคว้าชัยชนะมาในที่สุด แต่ชีวิตของ Jolene นั้นถูกพูดถึงน้อยมาก เรารู้เพียงว่าเธอไม่ได้รับความสนใจจากผู้อุปการะคนไหนเพราะเธอเป็นคนผิวสี และเธอกลับมาหา Beth ในตอนที่เธอกำลังเรียนอยู่และตั้งใจที่จะเรียนรัฐศาสตร์เพราะเธอรับรู้ประวะติศาสตร์ที่แสนโหดร้ายต่อกลุ่มคนผิวสีอีกด้วย การถ่ายทอดชีวิตของ Jolene ในซีรีส์เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงชีวิตของคนผิวสีที่มักจะถูกมองข้ามและไม่ให้ค่าเทียบเท่ากับคนผิวขาวแม้กระทั่งการเรียกร้องความเท่าเทียมทางเพศก็ยังถูกจำกัดเพียงคนผิวขาวเท่านั้น คนผิวดำและชนกลุ่มน้อยก็ยังคงถูกซ่อนและไม่ได้รับความสนใจจากผู้คนในสังคมมากเท่าที่ควร แม้ว่าพวกเขาจะมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าคนผิวขาวเลยก็ตาม


ภาพประกอบจาก:
https://wallpapercave.com/the-queens-gambit-wallpapers
เขียนโดย ภาวิณี บุญยนต์




